วิธีแก้ปัญหาดวงตาผิดปกติจากการใช้งานหนัก ด้วยสารสกัดที่สำคัญต่อดวงตาโดยเฉพาะ
ทางเลือกดีๆที่คนในสหรัฐอเมริกาไว้วางใจ

ผู้เขียน: คุณปุ๊ก

สวัสดีค่ะ ปุ๊กนะคะ ปุ๊กเป็นนักเขียนอิสระมาได้สิบกว่าปีแล้วค่ะ

เมื่อก่อนมีรับงานเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คบ้าง แต่ตอนนี้ปุ๊กเขียนนิยายอย่างเดียวเพราะเป็นงานที่สนุกที่สุด

และเชื่อไหมคะว่า ทุกครั้งที่มีคนทราบว่าปุ๊กเป็นนักเขียนนิยาย

7 ใน 10 คนมักจะตอบกลับมาว่า "เขาก็อยากเป็นนักเขียนเหมือนกัน"
ทำให้ปุ๊กได้รู้ว่าการเป็นนักเขียนเป็นอาชีพที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันมากเลยทีเดียว

เพราะมองว่าเป็นงานอิสระ ทำจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ไม่ต้องเข้าทำงานที่ออฟฟิศหรือมีเวลามากำหนดในการเข้าทำงาน

ยิ่งบางคนเห็นปุ๊กหิ้ว โน็ตบุคเครื่องเดียวไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ

ก็ยิ่งเชื่อว่าการเป็นนักเขียน นี่มันเป็นอาชีพที่สบายและชิลดีจังเลย
ก็อยากจะบอกทุกคนว่า…พูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกค่ะ

เพราะชีวิตของปุ๊กก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อยากจะนอนหรือตื่นเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องออกไปสู้กับปัญหารถติดตามท้องถนน

ถ้าวันไหนเบื่อบรรยากาศในบ้าน ก็ออกไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ

ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ามันเป็นอาชีพที่อิสระมากจริงๆ และปุ๊กก็ทำอาชีพนี้มานานมากกว่าสิบกว่าปี

เรียกได้ว่าเขียนหนังสือเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา จนเรียนจบมหาวิทยาลัย

ยิ่งหลายปีหลังมานี้ตลาดนิยายในออนไลน์เฟื่องฟูมาก ปุ๊กก็ยิ่งเขียนหนังสือจำนวนมากอย่างไม่มีวันหยุด

เพราะนี่เป็นงานอิสระ ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความขยัน ทำมากก็ได้เงินมาก ทำน้อยก็ได้เงินน้อย ไม่ต้องคอยยุ่งวุ่นวายกับใคร นอกจากมีวินัยกับตัวเองให้ได้เท่านั้นก็พอ
แต่เห็นว่าเป็นอาชีพที่สบายๆ แต่จริงๆแล้วไม่เป็นแบบนั้นเสอไป แล้วก็คงเหมือนอีกหลายอาชีพนั่นแหละค่ะที่เบื้องหน้ากับเบื้องหลังมีความแตกต่างกันสิ้นเชิง

แม้จะเหมือนอาชีพที่งานสบายๆ แต่อย่างที่บอกว่ายิ่งทำมากก็ได้เงินมาก

ก็เลยมีช่วงหนึ่งที่ปุ๊กโหมทำงานเยอะมากจนแทบไม่เคยละสายตาไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลย

เรียกได้ว่าจะหยุดมองจอก็แค่ตอนนอนหลับเท่านั้น เพราะขนาดตอนเข้าห้องน้ำก็ยังพกโทรศัพท์เข้าไปดู เข้าไปอ่านอีบุ๊คในโทรศัพท์อีกด้วย

เรียกได้ว่าตาแทบจะติดกับหน้าจอตลอดเวลาเลย ทั้งจอคอมและจอมือถือ
แม้รู้ดีอยู่แล้วว่า เราควรพักสายตาทุก 30 นาที

ควรกินอาหารดีๆที่บำรุงสายตา ควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้

แต่ปุ๊กคิดว่าก็คงเหมือนอีกหลายๆคน คือ เรารู้ว่าอะไรทำแล้วดี

แต่เพราะอายุยังน้อย ไม่เคยเจ็บป่วยหนักๆ ก็เลยทำให้ชะล่าใจ คิดว่าร่างกายและอวัยวะต่างๆภายใน จะทนทานแข็งแรงไปได้ตลอด

จนมีช่วงหนึ่งค่ะที่ปุ๊กรับงานให้กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง

เป็นงานเขียนข่าว เขียนเรียบเรียงข่าว อ่านข่าว แปลข่าว เรียกได้ว่าทุกวันต้องอยู่กับตัวหนังสือ ทั้งบนกระดาษและหน้าจอคอมพิวเตอร์

บางวันก็มีงานเขียนเรียบเรียง ทำงานตั้งแต่บ่ายจนค่ำ จนข้ามไปเช้าอีกวันก็มี

ซึ่งตอนนั้นรู้สึกสนุกกับงานมากจนลืมความเหนื่อยไปเลย และเพราะคิดว่าร่างกายเรายังรับไหว

ถ้าวันไหนร่างกายเหนื่อยล้ามากๆ ก็แค่หาอะไรกินเพื่อโด๊ปให้มีกำลังในการทำงานก็เท่านั้น

แต่ก็ช่วงนั้นนั่นแหละค่ะที่เริ่มสังเกตตัวเองว่า

เวลามองหน้าจอคอมฯ เราต้องเพ่งสายตามากกว่าปกติ เพราะตัวหนังสือมันพร่าๆ มัวๆ และบางทีมองเห็นตัวหนังสือซ้อนกันจนต้องเผลอขยี้ตาบ่อยๆ

ยิ่งช่วงทำงานกลางคืนยิ่งมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด แต่ก็คิดว่าเราอาจจะแค่ง่วงนอน หรือไม่ก็ต้องไปตัดแว่นใหม่ ไม่ได้เอะใจถึงปัญหาอื่นๆเลย

แต่มันก็เริ่มเกิดอาการที่เราไม่เคยเป็น นั่นคืออาการที่เรียกว่าตาแห้งค่ะ

คือ ปกติเวลาคนเราตื่นนอน ก็จะลืมตาได้เป็นปกติใช่ไหมคะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับปุ๊กก็คือ จะรู้สึกเหมือนมีผงอะไรอยู่ในตาตลอดเวลา เปลือกตาฝืดๆ

อาการเคยหนักสุด คือ ลืมตาแทบไม่ขึ้นเพราะตาแห้งมาก ไม่มีน้ำตาหล่อเลี้ยงอยู่ในดวงตาเลย

และแม้จะฝืนลืมตามานั่งทำงานได้ ก็ต้องเพ่งสายตาหนักกว่าเดิม

จากที่ปกติก็ใส่แว่นอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ว่าจะถอดแว่นหรือใส่แว่น ก็มองทุกอย่างพร่าเลือนไปหมด ตัวหนังสือซ้อนกัน ต้องเพ่งสายตาจ้องหน้าจอ

จนมีแต่คนทักว่าหน้าเครียดไปนะ ที่จริงเราไม่ได้เครียดหรอก แต่เราย่นหัวคิ้วเพราะเรามองเห็นไม่ชัดต่างหาก และก็จะระคายเคืองหรือคันลูกตาเป็นพักๆ จนอดไม่ได้ที่จะต้องขยี้ตาแรงๆ (ทั้งที่รู้ว่าไม่ดี แต่มันคันตาสุดๆ จนอดไม่ได้ต้องขยี้ตา)

รวมไปถึงมีอาการตาแพ้แสง ไม่สามารถสู้แสงแดดแรงๆ หรือตากลมแอร์ได้

หนักจนกระทั่งแม้แต่แสงหน้าจอคอม ทำให้ไม่สามารถนั่งทำงานต่อเนื่องได้นานๆ เพราะจะมีอาการเคืองตา แสบตา

หากฝืนทำต่อก็จะมีน้ำตาไหลซึมออกมาเลย แถมไม่สามารถโฟกัสสายตาในช่วงมีแสงน้อยได้อีก

ยิ่งทำให้เริ่มกังวลกับอาการต่างๆเหล่านี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
ตอนนั้นปุ๊กก็พยายามใช้ความรู้ที่เคยได้เรียนมาว่า อาหารชนิดใดที่มีวิตามินบีบำรุงสายตา ก็เน้นกินสิ่งนั้นเป็นพิเศษ

แต่ก็ทำไม่ได้ทุกมื้อหร้อก เพราะเราก็ไม่มีเวลา กินแค่ข้าวราดแกงนั่นแหละ จะไปเลือกอาหารอะไรที่มีคุณค่าบำรุงทางสายตามากล่ะ จริงไหม?

ก็เลยขยับไปหาผลิตภัณฑ์ตัวช่วยอื่นๆ พวกเครื่องดื่มตามร้านค้าที่โฆษณาในทีวี ที่เขาบอกกันว่าดี ปุ๊กก็ซื้อมากินเยอะมาก จนสามารถเอาขวดไปชั่งกิโลขายได้หลายสิบบาท แต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไร

ก็เลยต้องใช้วิธีที่เร่งด่วนกว่านี้ คือ ไปร้านจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อทางสุขภาพ เพื่อซื้อน้ำตาเทียมมาหยอดตา

และน้ำตาเทียมกลายเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้ อ่านแก้งานไปได้สัก ไม่กี่หน้าก็ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมเป็นระยะๆ

ตอนนั้นถึงขั้นคิดเรื่องขอยกเลิกสัญญาการทำงานเลย เพราะสายตาของเรามันไม่สู้กับการอ่านตัวหนังสือเยอะๆ ดวงตาเริ่มอาการไม่ดีแล้ว

หลังจากที่ฝืนมาได้สักระยะ ในที่สุดปุ๊กก็ยอมไปพบผู้เชี่ยวชาญทางสายตา

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาว่า ดวงของฉันเริ่มจะมีอาการของต้อลม ควรรีบแก้ไขก่อนอาการจะหนักกว่านี้

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เราหาอะไรอุ่นๆมาประคบดวงตา เพื่อให้ต่อมไขมันทำงานดีขึ้น

และยังให้น้ำตาเทียมมาใช้ 2 แบบ คือ ตอนกลางวันใช้เป็นแบบน้ำ และตอนกลางคืนใช้เป็นแบบเจล (เข้มข้นกว่าแบบน้ำ)โดยต้องปลิ้นเปลือกตาลงแล้วป้ายเจลนั้น ทำแบบนี้ก่อนนอนทุกคืน

ทุกคืนที่ปุ๊กต้องปลิ้นเปลือกตาแล้วป้ายเจล

ก็ได้แต่ถามตัวเองว่า ทำไมเราปล่อยปละละเลยอวัยวะที่สำคัญที่สุดอย่างดวงตามาได้ถึงเพียงนี้นะ
ในที่สุดปุ๊กก็ต้องเลือก… และปุ๊กเลือกขอหยุดทำงาน ทั้งงานที่สถานีโทรทัศน์และปฏิเสธงานเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คที่มีคนติดต่อมา เพราะสายตาเราไม่ไหวแล้ว

กิจกรรมที่เรารักมาก อย่างเช่นการอ่านหนังสือและเขียนนิยายก็ต้องพักไปโดยปริยายด้วยเช่นกัน

ช่วงนั้นถึงขั้นคิดวางแผนแล้วว่า ถ้าวันไหนเราเกิดมองไม่เห็นจริงๆ แล้วเราจะใช้วิธีไหนในการอ่านและเขียนหนังสือ…คิดไปไกลถึงขนาดนั้นแล้วล่ะค่ะ

แต่ช่วงที่เบื่อๆ เซ็งๆอยู่ตอนนั้น รุ่นพี่ในแวดวงนักเขียนก็ติดต่องานเข้ามาอีก

แต่ปุ๊กก็บอกปัญหาของปุ๊กไปว่าตาแห้ง อยากจะพักการใช้สายตาหนักๆ ไว้ก่อน

รุ่นพี่ก็เลยถามว่าแล้วตอนนี้ปุ๊กทำยังไง ปุ๊กก็บอกไปว่าพยายามกินผักผลไม้ที่มีวิตามินเอเยอะๆ

แต่ก็ไม่รู้ต้องกินอีกกี่ร้อยกี่พันกิโล อาการตาแห้ง ตาพร่ามัว ดวงตาเห็นอะไรไม่คมชัด ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาเห็นชัดอีกครั้ง
รุ่นพี่เลยบอกว่ากินอาหารดีๆก็ดีแล้ว แต่เขาอยากให้ปุ๊กลองกิน Wiberty เพิ่มเติมด้วยเพราะสามารถช่วยฟื้นฟูดวงตาของฉัน แบบเร่งด่วน

“อะไรคือ Wiberty” ถามเพราะไม่รู้จักผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ

พี่เขาก็บอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากอเมริกา ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ชัดเจน อยากให้ลองกินดู

แล้วแกก็เลยส่งมาให้ปุ๊ก 1 กล่อง แค่ตัวกล่องปุ๊กก็รู้สึกถึงความพรีเมียมราคาแพงแล้ว

ข้างในมี 10 แคปซูล

คือ ในแต่ละแคปซูลมีส่วนผสมคุณค่าสูง ด้วยสมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำงานปฎิกิริยาร่วมกันกับร่างกาย

เช่น สารสกัดจากบลูเบอร์รี่ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อม

และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาเมื่อใช้สายตานานๆ

อ่านข้อมูล Wiberty คลิก!
ช่วยต้านอาการอักเสบ บรรเทาอาการตาแห้งและบรรเทาความเมื่อยล้าจากการใช้สายตานานได้ด้วย

เมื่อปุ๊กลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงรู้ว่า Wiberty มีส่วนผสมจากพืช ยกตัวอย่างเช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่งผลต่อการมองเห็นที่ดีขึ้น และสามารถช่วยปกป้องเรตินาของดวงตาได้ ส่วนสารสกัดจากชาเขียว ช่วยบรรเทาอาการอักเสบและช่วยฟื้นฟูดวงตาสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้ง

แต่ยังช่วยกรองแสงสีฟ้าได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะมากๆ เพราะปุ๊กทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ

(และใครที่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็ควรต้องกินตัวนี้มากๆ เพราะแสงสีฟ้าหน้าจอโทรศัพท์เป็นอันตรายต่อดวงตาของเรามากเหมือนกันนะคะ ใครที่ชอบเล่นโทรศัพท์ในที่มืดๆ นี่ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบเร่งด่วนเลยนะ)
แค่ส่วนผสมสามตัวนี้ปุ๊กก็แทบจะแกะใส่ปากกินเดี๋ยวนั้นแล้ว

แต่หน้ากล่องยังมีส่วนผสมอื่นๆ ระบุไว้อีก

นอกจากส่วนผสมจากสมุนไพรแล้ว ส่วนผสมยังประกอบด้วยวิตามินบีและกรดโฟลิก วิตามิน C, E, สังกะสีและซีลีเนียม เป็นต้น

ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดนี้จะช่วยกันดูแลและปกป้องสายตาของเราอย่างครบวงจรเลยล่ะ ผลิตภัณฑ์ Wiberry ช่วยปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือดและยังช่วยปกป้องดวงตาจากความเครียดและสายตาสั้น นอกจากนี้ยังสามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงของสายตาที่มีความเกี่ยวข้องกับอายุได้ด้วย
ได้มาวันแรกปุ๊กก็เลยลองกินทันทีไม่มีรีรอ ตามคำแนะนำ คือ รับประทานแค่วันละ 1 เม็ดพร้อมกับมื้ออาหาร

ต้องบอกก่อนว่าตอนที่ได้อาหารเสริมตัวนี้มานั้น ปุ๊กหยุดใช้น้ำตาเทียมไปสักพักแล้วเพราะอยากให้ดวงตาค่อยๆ ผลิตน้ำตาออกมาได้เอง จะใช้น้ำตาเทียมตลอดไปคงไม่ดีเลยหยุดใช้

และพอเริ่มกิน Wiberry แผงแรกก็เริ่มรู้สึกได้เลยว่าเวลาตอนนอนไม่ได้รู้สึกระคายเคืองตาเหมือนอย่างแต่ก่อน

สามารถกระพริบตาได้อย่างสบายๆ โดยไม่แสบตา

แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ เวลาปุ๊กเปิดคอมฯ พิมพ์นิยาย ตัวหนังสือที่เคยพร่ามัว ตัวซ้อนๆกัน มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว

ไม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเพ่งจอจนต้องเอาหน้าไปชิดจอคอมฯเหมือนเคย

อาการแสบตา ตาแพ้แสง แพ้ลม ก็ค่อยๆดีขึ้น

แม้แต่ตอนต้องเดินทางในเวลากลางคืน เราก็สามารถมองเห็นป้ายต่างๆ ช่วยบอกทางเพื่อนได้ ไม่ต้องนั่งข่มตาให้หลับไปแบบแต่ก่อน

นี่คือสิ่งที่ปุ๊กดีใจที่สุด เพราะได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักมากๆ อย่างการอ่านและการเขียนนิยาย

และก็เริ่มกลับมารับงานเขียนได้อีกครั้ง สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติแบบเดิม

เรียกได้ว่าโอกาสดีๆที่เคยต้องหลุดลอยไปเพราะสุขภาพดวงตาเราไม่เอื้ออำนวย

ก็สามารถกลับมาได้อีกครั้งเพราะผลิตภัณฑ์ Wiberry นี้เลยล่ะค่ะ

อ่านข้อมูล Wiberry คลิก!
ใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วรู้สึกแสบตา ปวดตา ปุ๊กขอบอกเลยว่าต้องรีบไปหา Wiberty มากินแล้วนะคะ

ด้วยส่วนผสมที่บอกมา ทำให้ Wiberty เหมาะมากกับคนที่มีปัญหาทางสายตา

ทั้งคนที่ตาแห้ง แสบเคืองตา น้ำตาไหลเอง แพ้แสง

คนวัยทำงานที่ใช้สายตาจ้องคอมฯทั้งวัน

คนที่เห็นภาพวุ้นๆลอยไปลอยมา

คนที่มองเห็นไม่ค่อยชัดในเวลากลางคืน

หรือไม่ต้องรอให้มีปัญหาใหญ่จนต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญทางสายตาแบบปุ๊กก็ได้นะคะ เพราะเราสามารถป้องกันไว้ได้ก่อนเลย

เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเสื่อมของสายตา

หรือเป็นแค่คนที่ต้องการดูแลบำรุงสายตาให้แข็งแรง มองเห็นได้ชัดอยู่เสมอ Wiberty ก็นับเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่ปุ๊กอยากจะแนะนำมากๆเลยค่ะ

ดวงตาของเรามีเพียงคู่เดียว รักและถนอมเขาให้อยู่กับเราไปตลอดนะคะ ลองกดอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้านล่างนี้กันนะคะ
2380฿
1190฿

กรอกแบบฟอร์มเลยตอนนี้

* ข้อมูลของคุณจะถูกส่งโดยตรงไปยังผู้จัดจำหน่ายและข้อมูลของคุณถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้นอกจากผู้จัดจำหน่าย

สั่งซื้อ Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty

Wiberty